วันเสาร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

บันทึกการเรียน ครั้งที่ 16

บันทึกการเรียน ครั้งที่ 16
วันพุธ ที่ 19 เมษายน 2560
เวลา 08.30 - 12.30 น.

เนื้อหาการเรียน
      เนื้อหาการเรียนการสอนวันนี้ อาจารย์นำตัวอย่างแผนการจัดการศึกษาศึกษาเฉพาะบุคคลมาให้ดูนำ แล้วให้นักศึกษาลองเขียนแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล โดยอาจารย์ให้คำแนะนำและช่วยทำไปทีละขั้นตอน โดยแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลนั้นจะต่างจากแผนการจัดประสบการณ์ คือแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลจะต้องทำร่วมกับแพทย์ผู้เชียวชาญ ต้องมีชื่อสถานศึกษา กำหนดวันที่เริ่มใช้แผน และวันที่สิ้นสุดการใช้แผน มีข้อมูลทั่วไปของเด็ก ข้อมูลด้านการแพทย์หรือด้านสุขภาพ ข้อมูลด้านการศึกษา การวางแผนการจัดการศึกษา ไม่ว่าจะทักษะกล้ามเนื้อมัดใหญ๋ ทักษะกล้ามเนื้อมัดเล็ก ทักษะทางสังคมและอารมณ์ ทักษะทางภาษา ทักษะการเตรียมความพร้อมทางวิชาการ และรายวิชาสื่อที่จำเป็นต้องใช้พัฒนาเด็ก

การนำไปประยุกต์ใช้
      สามารถนำแผนที่เขียนในวันนี้ไปปรับใช้ได้ในอนาคต

การประเมิน
      ทุกคนสนุก และมีความสุขในการเรียนการสอน

ภาพกิจกรรม
     

วันพุธที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2560

บันทึกการเรียน ครั้งที่ 15

บันทึกการเรียน ครั้งที่ 15
วันพุธ ที่ 12 เมษายน 2560
เวลา 08.30 - 12.30 น.

เนื้อหาการเรียน


หมายเหตุ : หยุดเทศกาลสงกรานต์ ประจำปี 2560

บันทึกการเรียน ครั้งที่ 14

บันทีกการเรียน ครั้งที่ 14
วันพุธ ที่ 5 เมษายน 2560
เวลา 08.30 - 12.30 น.

เนื้อหาการเรียน
  หมายเหตุ : งดการเรียนการสอน อาจารย์ไปสัมมนา

บันทึกการเรียน ครั้งที่ 13

บันทึกการเรียน ครั้งที่ 13
วันพุธ ที่ 29 มีนาคม 2560
เวลา 08.30 - 12.30 น.

เนื้อหาการเรียน
       เนื้อหาการเรียนการสอนวันนี้ เรียนเรื่องโปรกรมการศึกษาเฉพาะบุคคล ดังนี้
แผน IEP
- แผนการศึกษาที่ร่างขึ้น
- เพื่อให้เด็กพิเศษแต่ละคนได้รับการสอน และการช่วยเหลือฟื้นฟูให้เหมาะสมกับความต้องการและความสามารถของเขา-- การจัดสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็ก
- ระบุเวลาเริ่มต้นและสิ้นสุดการใช้แผนและวิธีการวัดประเมินผลเด็ก

การเขียนแผน IEP
- คัดแยกเด็กพิเศษ
- ครูต้องรู้ว่าเด็กมีปัญหาอะไร
- ประเมินพัฒนาการเด็กเป็นระยะ จะทำให้ทราบว่าจะต้องเริ่มช่วยเหลือเด็กจากจุดไหน ในทักษะใด
- เด็กสามารถทำอะไรได้  / เด็กไม่สามารถทำอะไรได้ แล้วจึงเริ่มเขียนแผน
IEP
IEP ประกอบด้วย
- ข้อมูลส่วนตัวของเด็ก
- ระบุว่าเด็กมีความจำเป็นต้องได้รับบริการพิเศษอะไรบ้าง
- การระบุความสามารถของเด็กในขณะปัจจุบัน
- เป้าหมายระยะยาวประจำปี / ระยะสั้น
- ระบุวัน เดือน ปี ที่เริ่มทำการสอน และคาดคะเนการสิ้นสุดของแผน
- วิธีการประเมินผล

ประโยชน์ต่อเด็ก
- ได้เรียนรู้ตามความสามารถของตน
- ได้มีโอกาสพัฒนาตามศักยภาพของตน
- ได้รับการศึกษาและฟื้นฟูอย่างต่อเนื่องและเหมาะสม
- ถ้าเด็กเข้าเรียนในโรงเรียนจะไม่ถูกจัดเข้าชั้นเรียนเฉยๆ

ประโยชน์ต่อครู
- เป็นแนวทางการจัดการเรียนการสอนที่ตรงกับความสามารถและความต้องการของเด็ก
- เป็นแนวทางในการเลือกสื่อการสอนและวิธีการสอนให้เหมาะกับเด็ก
- ปรับเปลี่ยนได้เมื่อความต้องการเปลี่ยนแปลงไป
- เป็นแนวทางในการประเมินผลการเรียนและการเขียนรายงานพัฒนาการความก้าวหน้าของเด็ก
- ตรวจสอบและประเมินได้เป็นระยะ

ประโยชน์ต่อผู้ปกครอง
- ได้มีส่วนร่วมในการจัดทำแผนการเรียนรายบุคคล เพื่อให้เด็กได้พัฒนาความสามารถได้สูงสุดตามศักยภาพ
- ทราบร่วมกับครูว่าจะฝึกลูกของตนอย่างไร
- เกิดความร่วมมือในการพัฒนาเด็ก มีการติดต่อสื่อสารกันอย่างต่อเนื่อง และใกล้ชิดระหว่างบ้านกับโรงเรียน

ขั้นตอนการจัดทำแผนการศึกษารายบุคคล
1. การรวบรวมข้อมูล
- รายงานทางการแพทย์
- รายงานการประเมินด้านต่างๆ
- บันทึกจากผู้ปกครอง ครู และผู้ที่เกี่ยวข้อง

2. การจัดทำแผน
- ประชุมผู้ที่เกี่ยวข้อง
- กำหนดจุดมุ่งหมายระยะยาวและระยะสั้น
- กำหนดโปรแกรมและกิจกรรม
- จะต้องได้รับการรับรองแผนการศึกษาเฉพาะบุคคลจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

การกำหนดจุดมุ่งหมาย
- ระยะยาว
- ระยะสั้น

จุดมุ่งหมายระยะสั้น
- ตั้งให้อยู่ภายใต้จุดมุ่งหมายหลัก
- เป็นพฤติกรรมที่เด็กสามารถทำได้ในระยะ 2-3 วัน หรือ 2-3 สัปดาห์
3. การใช้แผน
- เมื่อแผนเสร็จสมบูรณ์ ครูจะนำไปใช้โดยจะใช้แผนระยะสั้น
- นำมาทำเป็นจุดประสงค์เชิงพฤติกรรม
- แยกย่อยขั้นตอนการสอนให้เหมาะกับเด็ก
- จัดเตรียมสื่อและจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
- ต้องมีการสังเกตเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเด็กและความสามารถ โดยคำนึงถึง
    
1. ขั้นตอนพัฒนาการของเด็กปกติ
    
2. ตัวชี้วัดพื้นฐานที่เกี่ยวกับปัญหาของพัฒนาการเด็ก
    
3. อิทธิพลของสิ่งแวดล้อมของเด็กและผู้ใหญ่ที่มีผลต่อการแสดงออกของเด็ก
4. การประเมินผล
- โดยทั่วไปจะประเมินภาคเรียนละครั้ง หรือย่อยกว่านั้น
- ควรมีการกำหนดวิธีการประเมิน และเกณฑ์วัดผล
       จากนั้นอาจารย์ให้ทำกิจกกรรมมือของฉัน โดยให้นักศึกษาวาดภาพมือของตัวเองลงไปในกระดาษที่อาจารย์แจกให้ โดยไม่ให้ดูมือ และกิจกรรมวงกลมหลากสี โดยให้นักศึกษาระบายสีวงกลมตามใจตัวเองว่าจะระบายขนาดเท่าใด จากนั้นให้ออกไปติดในต้นไม้ที่อาจารย์เตรียมมาให้ที่หน้ากระดาน

การนำไปประยุกต์ใช้
       สามารถนำแผนที่ได้เรียนในวันนี้ ไปใช้เขียนได้ในอนาคต

การประเมิน
       วันนี้สนุกและได้ความรู้ วิธีการเขียนแผนได้มาก

ภาพกิจกกรรม






วันพุธที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2560

บันทึกการเรียน ครั้งที่ 12

บันทึกการเรียน ครั้งที่ 12
วันพุธ ที่ 22 มีนาคม 2560
เวลา 08.30 - 12.30 น.

เนื้อหาการเรียน
            วันนี้เรียนเนื้อหาการส่งเสริมพัฒนาการและการปรับพฤติกรรมเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ โดยเนื้อหาการเรียนการสอนเพื่อให้เด็กสามารถช่วยเหลือตนเองได้ในชีวิตประจำวัน สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ใกล้เคียงกับคนปกติมากที่สุด โดยมีเนื้อหาดังนี้
1. การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการศึกษา
- เพิ่มทักษะพื้นฐานด้านสังคม การสื่อสาร และทักษะทางความคิด
- เกิดผลดีในระยะยาว
- เน้นการเตรียมความพร้อมเพื่อให้เด็กสามารถใช้ในชีวิตประจำวันจริงๆ แทนการฝึกแต่เพียงทักษะทางวิชาการ
- แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล (Individualized Education Program; IEP) เป็นห้องเรียนเด็กออทิสติก
- โรงเรียนการศึกษาพิเศษเฉพาะทาง โรงเรียนเรียนร่วม ห้องเรียนคู่ขนาน
2.การฟื้นฟูสมรรถภาพทางสังคม
- การฝึกฝนทักษะในชีวิตประจำวัน (Activity of Daily Living Training)
- การฝึกฝนทักษะสังคม (Social Skill Training)
- การสอนเรื่องราวทางสังคม (Social Story)
3. การบำบัดทางเลือก
- การสื่อความหมายทดแทน (AAC)
- ศิลปกรรมบำบัด (Art Therapy)
- ดนตรีบำบัด (Music Therapy)
- การฝังเข็ม (Acupuncture)
- การบำบัดด้วยสัตว์ (Animal Therapy)
การสื่อความหมายทดแทน (Augmentative and Alternative Communication ; AAC)
- การรับรู้ผ่านการมอง (Visual Strategies)
- โปรแกรมแลกเปลี่ยนภาพเพื่อการสื่อสาร (Picture Exchange Communication System; PECS) เป็นสื่อรูปภาพให้เด็กพิเศษใช้สื่อสารบอกความต้องการ
- เครื่องโอภา (Communication Devices)
- โปรแกรมปราศรัย
บทบาทของครู
- ตำแหน่งการนั่งของเด็กไม่ควรให้นั่งติดหน้าต่างหรือประตู
- ให้เด็กนั่งแถวหน้าสุดใกล้โต๊ะครู
- จัดให้เด็กนั่งติดกับนักเรียนที่ไม่ค่อยเล่น ไม่ค่อยคุยในระหว่างเรียน
- ให้เด็กมีกิจกรรม เปลี่ยนอิริยาบถบ้าง
การส่งเสริมทักษะต่างๆ ของเด็กพิเศษ
   1. ทักษะทางสังคม
     - เด็กพิเศษที่ขาดทักษะทางสังคม ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการพ่อแม่
     - การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันว่าเด็กจะมีพัฒนาการต่างๆอย่างมีความสุข
กิจกรรมการเล่น
- การเล่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการเรียนรู้ทักษะทางสังคม
- เด็กจะสนใจกันเองโดยอาศัยการเล่นเป็นสื่อ
- ในช่วงแรกๆ เด็กจะไม่มองเด็กคนอื่นเป็นเพื่อน  แต่เป็นอะไรบางอย่างที่น่าสำรวจ สัมผัส ผลัก ดึง
ยุทธศาสตร์การสอน
- เด็กพิเศษหลายๆคนไม่รู้วิธีเล่น  ไม่รู้ว่าจะเล่นอย่างไร
- ครูเริ่มต้นจากการสังเกตเด็กแต่ละคนอย่างเป็นระบบ
- จะบอกได้ว่าเด็กมีทักษะการเล่นแบบใดบ้าง
- ครูจดบันทึก
- ทำแผน IEP
การกระตุ้นการเลียนแบบและการเอาอย่าง
- วางแผนกิจกรรมการเล่นไว้หลายๆอย่าง
- คำนึงถึงเด็กทุกๆคน
- ให้เด็กเล่นเป็นกลุ่มเล็กๆ 2-4 คน
- เด็กปกติทำหน้าที่เหมือน “ครู” ให้เด็กพิเศษ คือ ทำหน้าที่เป็นบัดดี้ เคยดูแลเด็กพิเศษ โดยบัดดี้ต้องมีลักษณะเป็นผู้นำ สามารถดูแลเด็กพิเศษได้
ครูปฏิบัติอย่างไรขณะเด็กเล่น
- อยู่ใกล้ๆ และเฝ้ามองอย่างสนใจ
- ยิ้มและพยักหน้าให้ ถ้าเด็กหันมาหาครู
- ไม่ชมเชยหรือสนใจเด็กมากเกินไป
- เอาวัสดุอุปกรณ์มาเพิ่ม เพื่อยืดเวลาการเล่น
- ให้ความคิดเห็นที่เป็นแรงเสริม
การให้แรงเสริมทางสังคมในบริบทที่เด็กเล่น
- ครูพูดชักชวนให้เด็กร่วมเล่นกับเพื่อน
- ทำโดย “การพูดนำของครู”
      วิธีการคือ เวลาจะนำเด็กพิเศษมาเล่นกับเพื่อน ต้องเรียกชื่อเด็กก่อนแล้วค่อยๆ เข้าไปแตะตัว ไหล่ หรือลูบหัวเบาๆ เรียกชื่อซ้ำๆ พูดชวนเด็กหลายๆ ครั้ง แล้วค่อยๆ จูงพาเข้ามาหาเพื่อน เวลานำเด็กเข้ามาเล่นกับเพื่อนต้องมีอุปกรณ์ก่อนนำเข้ามา โดยครูต้องนั่งเล่นด้วยสักพัก แล้วค่อยๆ ถอยออกมา แต่ยังไม่เดินออกไปไกล ครูยืนดูสักพักก่อน
ช่วยเด็กทุกคนให้รู้กฎเกณฑ์
- ไม่ง่ายสำหรับเด็กพิเศษ
- การให้โอกาสเด็ก
- เด็กพิเศษต้องเรียนรู้สิทธิต่างๆเหมือนเพื่อนในห้อง
- ครูต้องไม่ใช้ความบกพร่องของเด็กพิเศษเป็นเครื่องต่อรอง
   2. ทักษะภาษา
การวัดความสามารถทางภาษา
- เข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นพูดไหม
- ตอบสนองเมื่อมีคนพูดด้วยไหม
- ถามหาสิ่งต่างๆไหม
- บอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นไหม
- ใช้คำศัพท์ของตัวเองกับเด็กคนอื่นไหม
การปฏิบัติของครูและผู้ใหญ่
- ไม่สนใจการพูดซ้ำหรือการออกเสียงไม่ชัด
- ห้ามบอกเด็กว่า  “พูดช้าๆ”   “ตามสบาย”   “คิดก่อนพูด”
- อย่าขัดจังหวะขณะเด็กพูด
- อย่าเปลี่ยนการใช้มือข้างที่ถนัดของเด็ก
- ไม่เปรียบเทียบการพูดของเด็กกับเด็กคนอื่น
- เด็กที่พูดไม่ชัดอาจเกี่ยวข้องกับการได้ยิน
ความรับผิดชอบของครูปฐมวัย
- การรับรู้ภาษามาก่อนการแสดงออกทางภาษา
- ภาษาที่ไม่ใช่คำพูดมาก่อนภาษาพูด
- ให้เวลาเด็กได้พูด
- คอยให้เด็กตอบ (ชี้แนะหากจำเป็น)
- เป็นผู้ฟังที่ดีและโตต้อบอย่างฉับไว (ครูไม่พูดมากเกินไป)
- เด็กไม่ได้เรียนรู้ภาษาจากการฟังเพียงอย่างเดียว
- ให้เด็กทำกิจกรรมกลุ่ม เด็กพิเศษได้มีแบบอย่างจากเพื่อน
- กระตุ้นให้เด็กบอกความต้องการของตนเอง (ครูไม่คาดการณ์ล่วงหน้า)
- เน้นวิธีการสื่อความหมายมากกว่าการพูด
- ใช้คำถามปลายเปิด
- เด็กพิเศษรับรู้มากเท่าไหร่ ยิ่งพูดได้มากเท่านั้น
- ร่วมกิจกรรมกับเด็ก
การสอนตามเหตุการณ์ (Incidental Teaching)
    วิธีการสอน คือ ยืนมองเด็กก่อนว่าเป็นอย่างไร ถ้าไม่ไปค่อยค่อยเดินเข้าไปหา โดยเรียกชื่อเด็ก แล้วจับมือ ถามเด็กว่าทำอะไร ถ้าถามไม่ตอบ ค่อยเข้าไปช่วยจับมือเด็กทำ พูดกับเด็กไปด้วยว่าทำอะไร
   3. ทักษะการช่วยเหลือตนเอง
  สิ่งที่เด็กพิเศษต้องการ คือ เรียนรู้การดำรงชีวิตโดยอิสระให้มากที่สุด การกินอยู่ การเข้าห้องน้ำ การแต่งตัว กิจวัตรต่างๆ ในชีวิตประจำวัน
การสร้างความอิสระ
- เด็กอยากช่วยเหลือตนเอง
- อยากทำงานตามความสามารถ
- เด็กเลียนแบบการช่วยเหลือตนเองจากเพื่อน เด็กที่โตกว่า และผู้ใหญ่
ความสำเร็จเป็นสิ่งสำคัญ
- การได้ทำด้วยตนเอง
- เชื่อมั่นในตนเอง
- เรียนรู้ความรู้สึกที่ดี
หัดให้เด็กทำเอง
- ไม่ช่วยเหลือเกินความจำเป็น (ใจแข็ง)
- ผู้ใหญ่มักทำสิ่งต่างๆให้เด็กมากเกินไป
- ทำให้แม้กระทั่งสิ่งที่เด็กสามารถทำได้เองหากให้เวลาเขาทำ
- ห้ามพูด “ หนูทำช้า ”  “ หนูยังทำไม่ได้ ”  “ ครูทำให้
จะช่วยเมื่อไหร่
- เด็กก็มีบางวันที่ไม่อยากทำอะไร , หงุดหงิด , เบื่อ , ไม่ค่อยสบาย
- หลายครั้งเด็กจะขอความช่วยเหลือในสิ่งที่ได้เรียนรู้ไปแล้ว
- เด็กรู้สึกว่ายังมีผู้ใหญ่ที่พึ่งได้ แต่ต้องได้รับความช่วยเหลือเฉพาะสิ่งที่เด็กต้องการ
- มักช่วยเด็กในช่วงกิจกรรม
ลำดับขั้นในการช่วยเหลือตนเอง
- แบ่งทักษะการช่วยเหลือตนเองออกเป็นขั้นย่อยๆ
- เรียงลำดับตามขั้นตอน แต่ละขั้นตอนพูดเรื่อยๆ บอกย้ำๆ
สรุป
- ครูต้องพยายามให้เด็กทำสิ่งต่างๆด้วยตนเอง
- ย่อยงานแต่ละอย่างเป็นขั้นๆ
- ความสำเร็จขั้นเล็กๆ นำไปสู่ความสำเร็จทั้งมวล
- ช่วยให้เด็กมีความมั่นใจในตนเอง
- เด็กพึ่งตนเองได้ รู้สึกเป็นอิสระ
   4. ทักษะพื้นฐานทางการเรียน
เป้าหมาย
- การช่วยให้เด็กแต่ละคนเรียนรู้ได้ 
- มีความรู้สึกดีต่อตนเอง
- เด็กรู้สึกว่า “ฉันทำได้”
- พัฒนาความกระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น
- อยากสำรวจ อยากทดลอง
ช่วงความสนใจ
- ต้องมีก่อนการเรียนรู้อื่นๆ
- จดจ่อต่อกิจกรรมในช่วงเวลาหนึ่งได้นานพอสมควร
การเลียนแบบ
   เด็กจะทำได้ดี คือ การเลียนแบบ ครูต้องเป็นแบบอย่างที่ดี
การทำตามคำสั่ง คำแนะนำ
- เด็กได้ยินสิ่งที่ครูพูดชัดหรือไม่
- เด็กเข้าใจคำศัพท์ที่ครูใช้หรือไม่
- คำสั่งยุ่งยากซับซ้อนไปหรือไม่
   เวลาสั่งให้สั่งทีละอย่าง อย่าสั่งเยอะ
อุปกรณ์สำหรับเด็กพิเศษ
- ลูกปัดไม้ขนาดใหญ่
- รูปต่อที่มีจำนวนชิ้นไม่มาก
      โดยวันนี้อาจารย์ให้ตัวแทนออกมาสาธิตตัวอย่างในการเรียนด้วย

การนำไปประยุกต์ใช้
      สามารถนำความรู้ที่ได้ในวันนี้ไปใช้ฝึกสอนและสอนในอนาคตได้

การประเมิน
      ทุกคนมีความสุข สนุกสนานกับการเรียนเป็นอย่างมาก

ภาพกิจกรรม




วันอาทิตย์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2560

บันทึกการเรียน ครั้งที่ 11

บันทีกการเรียน ครั้งที่ 11
วันพุธ ที่ 15 มีนาคม 2560
เวลา 08.30 - 12.30 น.

เนื้อหาการเรียน
                วันนี้เริ่มการเรียนโดยอาจารย์นำผนการสอนการจัดประสบการณ์มาให้ดู แล้วเรียนเนื้อหาการจัดการศึกษาสำหรับเด็กพิเศษ คือ การจัดให้เด้กพิเศษเข้าไปในระบบการศึกษาทั่วไป มีกิจกรรมที่ให้เด็กพิเศากับเด็กทั้วไปได้ทำร่วมกัน โดยใช้ช่วงเวลาช่วงใดช่วงหนึ่งในแต่ละวัน ครูปฐมวัยและครูการศึกษาพิเศษต้องร่วมมือกันดูแลเป็นพิเศษ 
        การเรียนร่วมบางเวลา (Integration) คือ การจัดให้เด็กพิเศษเรียนในโรงเรียนปกติในบางเวลา
การเรียนร่วมเต็มเวลา (Mainstreaming) คือ การจัดให้เด็กพิเศษเรียนในโรงเรียนปกติตลอดเวลาที่เด็กอยู่ในโรงเรียน
 Wilson , 2007  การจัดการเรียนการสอนที่ยึดปรัชญาของการอยู่รวมกัน (Inclusion) เป็นหลัก โดยการสอนที่ดี เป็นการสอนที่ครูกับนักเรียนช่วยกันให้ทุกคนเป็นสมาชิกที่ดีของชุมชน กิจกรรมทุกชนิดที่จะนำไปสู่การสอนที่ดี (Good Teaching) ต้องคิดอย่างรอบคอบเพื่อหาหนทางให้นักเรียนทุกคนสามารถเรียนได้ เพื่อเป็นการกำหนดทางเลือกหลายๆ ทาง
สรุปความหมายของการศึกษาแบบเรียนรวม
       เป็นการจัดการศึกษาที่จัดให้เด็กพิเศษเข้ามาเรียนรวมกับเด็กปกติ โดยรับเข้ามาเรียนรวมกัน ตั้งแต่เริ่มเข้ารับการศึกษาและจัดให้มีบริการพิเศษตามความต้องการของแต่ละบุคคล เด็กพิเศษทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ถ้าได้รับโอกาสในการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับความต้องการพิเศษของเขา เกิดจากปรัชญาการศึกษาที่กล่าวไว้ว่า การศึกษาสำหรับทุกคน (Education for All) การเรียนรวม เป็นแนวคิดทางการศึกษาอย่างหนึ่งที่โรงเรียนจะต้องจัดการศึกษาให้กับเด็กทุกคนโดยไม่มีการแบ่งแยกว่าเด็กคนใดเป็นเด็กปกติ หรือเด็กคนใดเป็นเด็กที่มีความต้องการพิเศษ โดยเด็กเลือกโรงเรียนไม่ใช่โรงเรียนเลือกเด็ก เด็กทุกคนที่ผู้ปกครองพาเข้ามาโรงเรียนทางโรงเรียนจะต้องรับเด็กไว้ และจะต้องจัดการศึกษาให้อย่างเหมาะสม และดำเนินการเรียนในลักษณะ “รวมกัน” ที่ทุกคนต่างเป็นส่วนหนึ่ง ของสังคม ทุกคนยอมรับซึ่งกันและกัน
ความสำคัญของการศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
- ปฐมวัยเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดของการเรียนรู้
- “สอนได้”
- เป็นการจัดการศึกษาสำหรับเด็กพิเศษที่มีขีดจำกัดน้อยที่สุด
บทบาทครูปฐมวัยในห้องเรียนรวม
        เมื่อพบอาการผิดปกติของเด็ก ครูไม่ควรวินิจฉัยเด็ก ครูไม่สามารถวินิจฉัยเด็กได้ ต้องให้ผู้ปกครองพาไปพบแพทย์ เพื่อให้แพทย์ยินยัน โดยต้องเล่าความเป็นจริงจากสิ่งที่เห็นให้ผู้ปกครองฟัง แล้วครูไม่ควรบอกพ่อแม่ว่าเด็กมีบางอย่าผิดปกติ และครูห้ามตั้งชื่อหรือระบุประเภทเด็ก (ฉายา)
ครูทำอะไรบ้าง
- ครูสามารถชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมของเด็กในเรื่องที่เกี่ยวกับพัฒนาการต่างๆ
- ให้ข้อแนะนำในการหาบุคลากรที่เหมาะสมในการประเมินผลหรือวินิจฉัย
- สังเกตเด็กอย่างมีระบบ โดยการสังเกตได้ดีที่สุดคือครู
- จดบันทึกพฤติกรรมเด็กเป็นช่วงๆ
ข้อควรระวังในการปฏิบัติ
- ครูต้องไวต่อความรู้สึกและตัดสินใจล่วงหน้าได้
- ประเมินให้น้ำหนักความสำคัญของเรื่องต่างๆได้
- พฤติกรรมบางอย่างของเด็กไม่ได้ปรากฏให้เห็นเสมอไป
การบันทึกการสังเกต
- การนับอย่างง่ายๆ คือ นับจำนวนครั้งของการเกิดพฤติกรรมกี่ครั้งในแต่ละวัน กี่ครั้งในแต่ละชั่วโมง ระยะเวลาในการเกิดพฤติกรรม
- การบันทึกต่อเนื่อง คือ ให้รายละเอียดได้มาก เขียนทุกอย่างที่เด็กทำในช่วงเวลาหนึ่ง หรือช่วงกิจกรรมหนึ่ง
โดยไม่ต้องเข้าไปแนะนำช่วยเหลือ
- การบันทึกไม่ต่อเนื่อง คือ บันทึกลงบัตรเล็กๆ เป็นการบันทึกสั้นๆเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนในช่วงเวลาหนึ่ง
การเกิดพฤติกรรมบางอย่างมากเกินไป
- ควรเอาใจใส่ถึงระดับความมากน้อยของความบกพร่อง มากกว่าชนิดองความบกพร่อง
- พฤติกรรมไม่เหมาะสมที่พบได้ในเด็กทุกคน ไม่ควรจัดเป็นสิ่งผิดปกติ
การตัดสินใจ
- ครูต้องตัดสินใจด้วยความระมัดระวัง
- พฤติกรรมของเด็กที่เกิดขึ้น ไปขัดขวางความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กหรือไม่
        จากนั้นอาจารย์ให้ดูวีดีโอรายการ super10 โดยมีน้องช่อแก้ว น้องเป็นดาวน์ซินโดรม ที่ไปออกรายการเล่นขิม และอาจารย์ให้วาดรูปดอกบัวจากภาพที่อาจารย์เตรียมมาให้เหมือนที่สุด โดยกิจกรรมนี้วัดความรู้สึกจากสิ่งที่เห็น และเอาตัวอย่างจากเพื่อนในห้องมาเป็นแบบของเด็กพิเศษ

การนำไปประยุกต์ใช้
        สามารถนำสิ่งที่เรียนในวันนี้ไปให้สังเกตพฤติกรรมและบันทึกได้ในอนาคต

การประเมิน
        ทุกคนสนุกและสนใจการเรียนมาก

ภาพกิจกรรม










บันทึกการเรียน ครั้งที่ 10

บันทึกการเรียน ครั้งที่ 10
วันพุธ ที่ 8 มีนาคม 2560
เวลา 08.30 - 12.30 น.


หมายเหตุ : สอบกลางภาควิชาการจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย